-มรดกโลกคือ
มรดกโลก (อังกฤษ: World Heritage Site; ฝรั่งเศส: Patrimoine Mondial) คือสถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมือง ซึ่งคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงคุณค่าของสิ่งที่มนุษยชาติ หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา และควรจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคตใน พ.ศ. 2553 มีมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 911 แห่ง แบ่งออกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 704 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 180 แห่ง และมรดกโลกแบบผสม 27 แห่ง ตั้งอยู่ใน 151 ประเทศ[1][2]โดยอิตาลีเป็นประเทศที่มีจำนวนมรดกโลกมากที่สุด คือ 44 แห่ง แม้ว่ายูเนสโกจะอ้างอิงถึงมรดกโลกแต่ละแห่งด้วยหมายเลข แต่การขึ้นทะเบียนในหลายครั้งก็จะผนวกเอามรดกโลกที่ได้ขึ้นทะเบียนไปแล้วเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกที่มีพื้นที่มากขึ้น ดังนั้นจึงมีหมายเลขมรดกโลกเกิน 1,200 ไปแล้วแม้ว่าจะมีจำนวนมรดกโลกน้อยกว่าก็ตาม
มรดกโลกแต่ละแห่งเป็นทรัพย์สินของประเทศที่เป็นเจ้าของดินแดนที่มรดกโลกตั้งอยู่ แต่ได้ถูกพิจารณาให้เป็นผลประโยชน์ของประชาคมระหว่างประเทศในการอนุรักษ์มรดกโลกแห่งนั้น
-การแบ่งประเภทของมรดกโลก
มรดกโลกแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ มรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) และ มรดกทางธรรมชาติ (Natural Heritage) ซึ่งในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกได้ให้คำนิยามไว้ว่า
มรดกทางวัฒนธรรม หมายถึง สถานที่ซึ่งเป็นโบราณสถานไม่ว่าจะเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม หรือแหล่งโบราณคดีทางธรรมชาติ เช่น ถ้ำ หรือกลุ่มสถานที่ก่อสร้างยกหรือเชื่อมต่อกันอันมีความเป็นเอกลักษณ์ หรือแหล่งสถานที่สำคัญอันอาจเป็นผลงานฝีมือมนุษย์หรือเป็นผลงานร่วมกันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ รวมทั้งพื้นที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี ซึ่งสถานที่เหล่านี้มีคุณค่าความล้ำเลิศทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ มนุษยวิทยา หรือวิทยาศาสตร์
มรดกทางธรรมชาติ หมายถึง สภาพธรรมชาติที่มีลักษณะทางกายภาพและชีวภาพอันมีคุณค่าเด่นชัดในด้านความล้ำเลิศทางวิทยาศาสตร์ หรือเป็นสถานที่ซึ่งมีสภาพทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศที่ได้รับการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืชและสัตว์ ซึ่งถูกคุกคาม หรือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของพืชหรือสัตว์ที่หายาก เป็นต้น
-ขั้นตอนการสมัครเป็นสมาชิกของมรดกโลก
ประเทศที่ต้องการเสนอชื่อสถานที่ในประเทศของตนให้ได้รับการพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อันดับแรกจะต้องจัดทำบัญชีรายชื่อสถานที่ที่มีความสำคัญทางธรรมชาติและวัฒนธรรมทั้งหมดภายในประเทศของตน บัญชีนี้จะเรียกว่า บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะมีเพียงสถานที่ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีนี้เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อ ขั้นต่อมา ประเทศนั้นๆจะต้องเลือกรายชื่อสถานที่ที่ต้องการเสนอชื่อมาจากบัญชีรายชื่อเบื้องต้น เพื่อจัดทำเป็นแฟ้มข้อมูล (Nomination File) โดยทางศูนย์มรดกโลกอาจให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการจัดทำแฟ้มข้อมูลนี้
เมื่อถึงขั้นตอนนี้ แฟ้มข้อมูลจะถูกตรวจสอบ และพิจารณาจากองค์กรที่ปรึกษา ได้แก่ “สภาระหว่างประเทศว่าด้วยโบราณสถานและแหล่งโบราณคดี” (The International Council on Monuments and Sites หรือ ICOMOS) และ "ศูนย์ระหว่างชาติว่าด้วยการศึกษา การอนุรักษ์ และปฏิสังขรณ์สมบัติทางวัฒนธรรม" (The International Centre for the Study of the Preservation and Restoration of the Cultural Property หรือ ICCROM) ในส่วนของมรดกทางวัฒนธรรมและ "สหภาพการอนุรักษ์โลก" (The World Conservation Union หรือ IUCN) ในส่วนของมรดกทางธรรมชาติ แล้วทั้งสามองค์กรนี้จะยื่นข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการมรดกโลก ทางคณะกรรมการจะมีการประชุมร่วมกันปีละหนึ่งครั้ง เพื่อตัดสินว่าสถานที่ที่มีการเสนอชื่อแห่งใดบ้างที่ควรได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หรือทางคณะกรรมการอาจร้องขอให้ประเทศที่เสนอชื่อได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เพิ่มเติม โดยการพิจารณาว่าจะขึ้นทะเบียนสถานที่แห่งใดจะต้องมีลักษณะตามเกณฑ์มาตรฐานข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อ
- มรดกโลกที่ขึ้นบันชีเอาไว้ในขณะนี้
ในปัจจุบัน มีมรดกโลกทั้งหมด 830 แห่ง ใน 138 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 644 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 162 แห่ง และอีก 24 แห่งเป็นแบบผสมทั้งสองประเภท โดยมีการแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่ ได้แก่ แอฟริกา อาหรับ เอเชียแปซิฟิก ยุโรป - อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ - แคริบเบียน
ตารางจำนวนของมรดกโลกแบ่งตามทวีป
ทวีป | มรดกโลกทางธรรมชาติ | มรดกโลกทางวัฒนธรรม | มรดกโลกผสม | มรดกโลกทั้งหมด |
---|---|---|---|---|
แอฟริกา | 33 | 38 | 3 | 74 |
อาหรับ | 3 | 58 | 1 | 62 |
เอเชีย-แปซิฟิก | 45 | 126 | 11 | 182 |
ยุโรป และ อเมริกาเหนือ | 51 | 358 | 7 | 416 |
ละตินอเมริกา และ แคริบเบียน | 34 | 80 | 3 | 117 |
รวม | 166 | 660 | 25 | 851 |
ลำดับของประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากที่สุด
ลำดับ | ประเทศ | ธรรมชาติ | วัฒนธรรม | ผสม | รวม |
1 | อิตาลี | 1 | 40 | 0 | 41 |
2 | สเปน | 3 | 35 | 2 | 40 |
3 | จีน | 6 | 25 | 4 | 35 |
4 | เยอรมนี | 1 | 31 | 0 | 32 |
5 | ฝรั่งเศส | 1 | 29 | 1 | 31 |
6 | สหราชอาณาจักร | 4 | 22 | 1 | 27 |
7 | อินเดีย | 5 | 22 | 0 | 27 |
8 | เม็กซิโก | 3 | 24 | 0 | 27 |
9 | รัสเซีย | 8 | 15 | 0 | 23 |
10 | สหรัฐอเมริกา | 12 | 8 | 0 | 20 |
-มรดกไทยที่ขึ้นบันชีเป็นมรดกโลกแล้ว
เมืองไทยของเรานั้นมีแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วถึง 5 แห่งด้วยกัน มีทั้งแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งหากเรามีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวและศึกษาคุณค่าของแหล่งมรดกโลกทั้ง 5 แห่งกันอย่างลึกซึ้ง ก็จะได้ทั้งความรู้ความเพลิดเพลินและเกิดความภาคภูมิใจในมรดกอันล้ำค่าของชาติร่วมกัน สัปดาห์นี้เราไปทำความรู้จักกับแหล่งมรดกโลกของไทยเพื่อร่วมภูมิใจกันอีกครั้ง
![]() |
1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และบริวาร

3 อุทยานประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง และมีความรุ่งเรืองในอดีตช่วงใกล้เคียงกัน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2534 โดยอาณาจักรสุโขทัยถือเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 เป็นยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองของอารยธรรมในทุกๆด้าน ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ รวมทั้งการวางผังเมืองที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา ซึ่งถือเป็นยุคทองของประวัติศาสตร์ชาติไทยช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลักฐานที่เหลืออยู่ยังคงยืนยันถึงความเจริญรุ่งเรืองและความงดงามของศิลปะสถาปัตยกรรมในอดีตของอาณาจักรสุโขทัยได้เป็นอย่างดี
ในวันกลางฤดูฝนเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการแวะเวียนไปเที่ยวชมอย่างยิ่ง เพราะลานหญ้ารอบๆโบราณสถานจะเขียวขจีสดใส ช่วยชุบชีวิตโบราณสถานให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น การเที่ยวชมโบราณสถานจะใช้วิธีนั่งรถรางที่มีวิทยากรพาชมพร้อมคำบรรยาย หรือจะเช่าจักรยานเที่ยวชมไปเรื่อยๆ ก็ได้บรรยากาศอิสระเพลิดเพลินไปอีกแบบ โดยจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมก็เช่น วัดมหาธาตุ วัดชนะสงคราม วัดตระพังเงิน วัดสระศรี วัดศรีสวาย เป็นต้นส่วนด้านนอกกำแพงเมืองก็อย่าลืมไปเที่ยวชมวัดพระพายหลวง เตาทุเรียง ไปชมความยิ่งใหญ่ของพระอจนะ วัดศรีชุม พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัยอันงดงามอ่อนช้อย เช่นเดียวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยและอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ที่ยังคงมีโบราณสถานรุ่นราวคราวเดียวกันที่งดงามสมบูรณ์ให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม
2.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

ราชธานีเก่าแก่ของไทยที่มีความเจริญรุ่งเรือง อย่างยาวนานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 5 ราชวงศ์ จำนวน 33 พระองค์ ตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งอันอุดมสมบูรณ์จึงนับเป็นราชอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาการและศิลปวัฒนธรรมอย่างสูงยิ่ง มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง มีการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีถึงทวีปยุโรปเลยทีเดียว
แม้นราชธานีศรีอยุธยาจะถูกทำลายลงจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นหลักฐานแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมีอัจฉริยภาพของบรรพบุรุษชาวกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดีเช่นโบราณสถานอันแสดงถึงศิลปะสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่งดงามอย่างวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพนัญเชิง วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนารามเป็นต้น หรือโบราณวัตถุอันล้ำค่าอย่างเครื่องทองจากกรุวัดราชบูรณะที่ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่งสะท้อนถึงความร่ำรวยทางศิลปะและความสมบูรณ์มั่งคั่งสมกับความเป็นแผ่นดินทองของกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2534
![]() |
3.แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง

แหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทยและภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เป็นแหล่งที่ขุดค้นพบร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์พร้อมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีอายุกว่า 5,600 ปี โดยทางกรมศิลปากรได้ขุดค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์โบราณและภาชนะเครื่องปั้นดินเผาที่มีรูปทรงและลวดลายงดงาม สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองที่บรรพบุรุษในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียงสามารถจะผลิตภาชนะเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีความสวยงามเป็นอมตะมาจนถึงปัจจุบัน และมีร่องรอยความเจริญก้าวหน้าที่บ่งบอกว่ามนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียงนั้นรู้จักทำการเกษตรกรรมและการเพาะปลูกมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2535

5.ผืนป่าเขาใหญ่- ดงพญาเย็น

นับเป็นแหล่งมรดกโลกล่าสุดของไทยที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2548 และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 2 ของไทย ป่าผืนนี้ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 1 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัดคือ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ โดยมีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่ป่ารวมกันราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร เป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงยิ่ง
โดยในบรรดาพืชพรรณที่พบในเมืองไทยราว 15,000 ชนิดนั้นสามารถพบได้ในผืนป่าแห่งนี้ถึง 2,500 ชนิด และมีพืชพรรณที่พบเฉพาะในผืนป่าแห่งนี้ถึง 16 ชนิด เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่ากว่า 800 ชนิด โดยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 112 ชนิด สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 209 ชนิด เป็นแหล่งอาศัยของนก 392 ชนิด โดยพบนกเงือกถึง 4 ชนิดในจำนวน 6 ชนิดที่พบในเมืองไทย และยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่เอื้ออำนวยให้ประชาชนคนไทยสามารถจะเข้าไปท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติได้อย่างสะดวกสบาย
แหล่งมรดกโลก 5 แห่งของไทยนับเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าของคนไทยทุกคน และเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ซึ่งก็คงจะเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะช่วยกันดูแลรักษามรดกอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงคุณค่าตลอดไป
- สาเหตุที่ประเทศไทยลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกมรดกโลก
สุวิทย์ประกาศไทยลาออกคกก.มรดกโลก หลังที่ประชุมรับพิจารณาวาระแผนจัดการพระวิหารของเขมร
วันนี้ (27มิ.ย.54) เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เวลาประมาณ 23.50 น. ตามเวลาประเทศไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผ่าน ทวิตเตอร์ @Suwit_Khunkitti ระบุว่า น่าเสียดายนะครับที่หน่วยงานนานาชาติที่มีภารกิจส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรม จะลืมหน้าที่ของตนเองจนทำให้เกิดความขัดแย้งกันในภาคีสมาชิก การตัดสินใจที่คณะกำลังจะดำเนินการในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เป็นไปเพื่อไม่ยอมให้ใครใช้ข้ออ้างในการรุกเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของเรา
ที่ประชุมบรรจุวาระ ผมไม่มีทางเลือกครับ คงต้องถอนตัว ผมได้เคยพูดกับสื่อไทยไปว่า หากสังคมใดดำเนินการตามใจตนเอง ไม่คิดถึงกฎระเบียบที่ลงมติโดยสมาชิกแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่เราจะอยู่ในสังคมแบบนี้ กำลังแถลงต่อที่ประชุมครับ คณะผู้แทนพยายามเข้าใจ อธิบาย และอดทนรออย่างเต็มที่แล้ว ผมและคณะนำประเทศไทยถอนตัวจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกแล้วครับทั้งนี้นายสุวิทย์ได่นำหนังสือลาออกจากสมาชิกมรดกโลก แสดงต่อสื่อมวลชน http://t.co/nmsJWHKด้าน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวทีเอ็นเอ็น ได้รายงาน ถึงการถอนตัวของประเทศไทย ว่า นายสุวิทย์ ได้ประกาศว่าประเทศไทยขอลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก โดยให้เหตุผลว่าการที่คณะกรรมการมรดกโลก ได้นำมติวาระการประชุมที่กัมพูชาเสนอมานำเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ซึ่งไทยยืนยันมาตลอดว่าเป็นการไม่ถูกต้อง หรือ สัญญาอาจจะทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ตรงนี้ไทยไม่เคยยอมรับ ขณะที่ประเทศไทยพยายามจะคัดค้านมาโดยตลอด แต่ในเมื่อจะเข้าสู่กระบวนการโหวต ไทยจึงต้องขอใช้สิทธิ์ ในการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งถือว่าเป็นชาติแรกของโลก ที่ประกาศออกจากสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกอ่านรายงานการถอนตัวในที่ประชุม
วันนี้ การประชุมทั้งวันเป็นไปอย่างเคร่งเครียด จนเมื่อถึงจุดที่นายสุวิทย์ ประกาศลาออกนั้น ทุกชาติค่อนข้างตกใจเพราะว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก และ ตอนนี้เป็นที่ยืนยันชัดเจนว่า ไทยเราประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก และ มีผลโดยทันที ซึ่งขณะยังไม่ทราบท่าทีของกัมพูชาจะเป็นอย่างไร หลังจากกรรมการยืนยันนำเรื่องของกัมพูชาเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก